คำสัญญา
ทั้งๆทีวันนี้ในอีกสองเดือนเธอ...ก็จะอายุครบสิบหกปีแล้วแท้ๆ แต่มันกลับเป็นวันที่เด็กสาวคนนั้นต้องจบชีวิตลง..
ผู้เข้าชมรวม
89
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Bluesky
“อีกเดือนเดียวก็จะเปิดเทอมอยู่แล้ว อยากไปซื้อของจังเลยนะ...”บลูสกายได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ พลางนึกหาคนที่จะชวนไปเป็นเพื่อนเนื่องจากไม่อยากไปคนเดียว
บลูสกายที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขับรถจักรยานยนต์ของตนเองไปตามถนนและตามทิศทางที่คาดว่าจะพบใครที่จะสามารถไปเป็นเพื่อนได้
“อ้าว สกาย?”เสียงตะโกนเรียกของคนที่อยู่ริมถนนทำให้บลูสกายจอดรถที่ริมมถนนเพื่อจะคุยกับคนที่ส่งเสียงเรียก
“เปเปอร์ทำอะไรอยู่น่ะ จีบสาวอยู่เหรอ”
“ฉันไม่จีบคนอื่นนอกจากสกายหรอกน่า เอารถมาจะไปไหนเหรอ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองคนที่นั่งบนรถอย่างเอ็นดู
“ก็นิดหน่อย ว่าแต่ตอนนี้ว่างไหมพอดีเราจะชวนไปซื้อของ”บลูสกายถามออกไป คนตรงหน้าที่มีผู้หญิงหน้าตาดีกอดแขนอยู่ทั้งสองข้างสะบัดผมสีน้ำตาลรัวๆก่อนจะทำหน้าเสียใจ
“ขอโทษนะสกาย พอดีติดนัดคนอื่นไว้ก่อนแล้ว ขอโทษจริงๆ”เปเปอร์กล่าวขอโทษ ก่อนจะยิ้มให้บลูสกาย “ไว้คราวหน้านะ ไปล่ะ”
เปเปอร์เดินออกไปพร้อมสาวสวยทั้งสอง บลูสกายมองตามหลังพวกเขาไป ก่อนคำพูดที่เคยได้ยินจะผุดขึ้นมาในหัว พลางแค่นหัวเราะกับคำสัญญาที่ตัวเขาไม่เคยแม้แต่จะจดจำ
‘เธอคือคนที่สำคัญกับฉันที่สุด ฉันสัญญาว่าถ้าเธอบอกให้ฉันทำอะไร ฉันก็พร้อมจะทำให้ได้ทุกอย่าง’
บลูสกายไม่ได้หึงหวงแต่อย่างใดเพียงแค่คิดว่า ทั้งๆที่สัญญาเอาไว้แล้วทำไมถึงชอบผิดสัญญากันได้หน้าตาเฉยเท่านั้นแหละ...แต่ว่ามันก็ทำให้น้อยใจได้นิดหน่อยน่ะนะ
“ช่างเถอะ ลองไปหาทับทิมดูดีหว่า”พูดเสร็จบลูสกายก็ออกไปรถไปอีกที่เลยทันที
…………………………………………………………………….
“ขอโทษนะคะ ได้นัดเอาไว้หรือเปล่าคะ” เลขาของทับทิมถามพลางมองเสื้อผ้าของบลูสกายอย่างเหยียดๆ
“ไม่ได้นัดหรอกค่ะ”
“ถ้างั้นคงจะเรียกให้ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณทับทิมติดธุระสำคัญอยู่คงจะให้เสียเวลาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกับคุณได้หรอกนะคะ”
“ถ้างั้นหลังจากคุณทับทิมเสร็จจากธุระอันแสนสำคัญกรุณาบอกด้วยนะว่าบลูสกายมาหา ขอคุณมากค่ะ”บลูสกายพยายามกลั้นโทสะเมื่อเห็นสายตาของเลขาคนนี้ก่อนจะหันหลังเพื่อที่จะเดินออกไปแต่ก็ชนใครบางคนเสียก่อน
“ตาไม่มีหรือไงฮะถึงได้เดินมาชนคนอื่นเขาน่ะ อ๋อ เธอคงจะเป็นคนที่มาเกาะแกะทับทิมบ่อยๆล่ะสิ ”คู่กรณีของบลูสกายคือผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบ หน้าอกใหญ่สะบึ้มนั่นสามารถบอกได้เลยว่าปลอมไปกว่าครึ่งพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ
“...”บลูสกายมองคู่กรณีที่สูงน้อยกว่าตนเองเกือบสิบเซน ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเรียบๆ “ขอทางด้วยค่ะ คุณป้า”
“ป..ป้า!? แก...ฉันเพิ่งจะยี่สิบเองนะ แต่แหม...คงจะไม่กล้าสู้หน้าชีสเค้กคนนี้ที่เป็นคู่หมั้นของเขาสินะถึงได้หนี” ชิสเค้กหรือหญิงสาวตรงหน้ายังพ่นคำด่าอย่างไร้สาระออกมาเรื่อยๆ บลูสกายที่ไม่อยากจะเอาเรื่องจึงได้มองคนบ้าตรงหน้าด่าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงคำที่บลูสกายไม่ชอบขึ้นมา
“คนอย่างแกคงไม่มีปัญญาหาผู้ชายสินะ นังร่าน..”ชีสเค้กปิดท้ายคำด่าก่อนจะกอดอกเหมือนตัวเองอยู่ในฐานะที่สูงกว่า บลูสกายมองคนอายุมากกว่าตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะใช้ฝ่ามือของตนเองตบลงใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง เมื่ออีกฝ่ายตั้งสติได้ก็ทำท่าจะตบกลับแต่บลูสกายก็จับข้อมือของเธอเอาไว้
“ถึงคุณจะอายุมากกว่าแต่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะว่าฉันเสียๆหายได้นะ ยัยป้า”บลูสกายเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย ทิ้งให้ยัยอกปลอมสติแตกอยู่ตรงนั้นอยู่คนเดียว
ตึงๆๆ
“ทับทิม! ทับทิม! ทับทิม! ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ”ชีสเค้กทุบประตูรัวๆ จนเลขาของทับทิมต้องรีบห้ามเนื่องจากกลัวประตัวพัง “ฮึ้ย...คอยดูนะถ้าเจออีกฉันจะจัดการซะให้เข็ด”
ซึ่งเมื่อเลขาของทับทิมเห็นว่าชีสเค้กเดินออกไปแล้วจึงเข้าไปในห้องทำงานของทับทิมทันที และคนที่อยู่ในห้องก็ถามถึงเสียงเมื่อกี้
“พี่ผึ้งเมื่อกี้มีใครมางั้นเหรอ?”ชายหนุ่มที่มีนัยน์ตาและผมซอยสั้นสีดำอยู่ในชุดสูทเป็นทางการเอ่ยถามก่อนจะเงยหน้ามามองผู้เป็นเลขาของตน
“ขอโทษด้วยนะ พอดีพี่ไม่รู้ว่าคู่หมั้นน้องคนไหนก็เลยไล่ไปหมดเลยน่ะ คนที่มาเหรอมีผู้หญิงสองคนน่ะ ด่ากันสุดยอดมากเลยล่ะ”ผึ้งเลขาของทับทิมบอก ก่อนจะนึกถึงรูปร่างของคนที่มาเยือน “คนที่มาทีหลังน่าจะเป็นคู่หมั้นของเธอนะเพราะถึงขนาดกล้าทุบประตูรัวๆ น่ากลัวสุดๆเลยล่ะ”
“ส่วนอีกคนเป็นเด็กผู้หญิงราวๆสิบห้าได้มั้ง หน้าตาสวยซะจนคู่หมั้นคุณชิดซ้ายไปเลยล่ะ อ้อ..เด็กคนนี้เกือบโดนตบด้วยล่ะ”
“อือ...ใครจะตบใครเหรอ”ทับทิมถาม ถึงเมื่อได้ยินลักษณะจะนึกถึงสาวน้อยที่เคยเป็นแฟนกับน้องชายของตน
“ก็คุณชีสเค้กคู่หมั้นของคุณจะตบเด็กที่ชื่อบลูสกายน่ะ”
ตึง!
“ว่าไงนะ เดี๋ยวผมมานะพี่”ทับทิมลุกขึ้นตบโต๊ะก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันที พลางมองหาเด็กสาวที่โดนกล่าวถึงเมื่อครู่ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “ไม่ทันงั้นเหรอ”
ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่ทับทิมจะวิ่งออกมาบลูสกายโทรศัพท์ไปหาเพทายซึ่งเป็นแฟนเก่าของเธอและในตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
“ขอโทษนะ ว่างไหมจะชวนไปซื้อของน่ะ”
“อ้า...เธอชวนฉันช้าไปนะ มีธุระอยู่ก่อนแล้วแต่ถ้าเย็นๆก็ได้นะ ”เสียงจากปลายสายดูมีความสุขและดูเหมือนจะไม่ได้อยู่คนเดียว
“ไม่ดีกว่า ท่าทางนายจะยุ่งอยู่ ไว้คราวหน้าไปด้วยกันนะ บาย”บลูสกายไม่อยากรบกวนจึงพูดตัดบทและวางสายไป
บลูสกายขี่จักรยานยนต์กลับไปที่บ้านของตนเองทันที แต่ก็ไม่เร่งความเร็วซะจนไม่เห็นคนที่กำลังจะจูบกันข้างริมถนนหรอกนะ..เธอจึงตัดสินใจหยุดรถข้างๆคนที่กำลังจะจูบกันข้างริมถนน
ไม่ใช่ว่ารู้สึกโมโหหรืออะไรหรอกนะแต่ว่ามันไม่ชอบที่จะให้มีคนมาโกหกตัวเองนี่นา...บลูสกายคิดก่อนจะจ้องทั้งสองคนอย่างเฉยชา ฝ่ายหญิงที่เห็นบลูสกายจอดอยู่เลยไม่กล้าจูบต่อจึงแว้ดใส่
“มองอะไรไม่เห็นคนจะจูบกันหรือไง เพทายคะไปตรงอื่นดีกว่า”หญิงสาวรูปร่างสะบึ้มกอดแขนของคนที่ชื่อเพทายแบบหลวมๆโดยไม่ได้ดูว่าคู่ของเธอตาค้างไปแล้ว
“สวัสดี” บลูสกายยิ้มหวานให้แก่แฟนเก่าของตนเองจนทำให้เพทายเจ้าของดวงตาสีฟ้าหน้าซีด
“ดะ..เดี๋ยวนะ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”เพทายพยายามแก้ตัวอย่างลนลานเมื่อเห็นยิ้มหวานของบลูสกาย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิดแถมยังทำให้แย่ลงอีกด้วย
“เพทายคะ ไหนว่าจะพาแยมไปโรงแรมต่อจากนี้ไม่ใชเหรอ อย่าไปยุ่งกับยัยนี่เลย”คนที่แทนตัวว่าแยมพยายามจะพาไปอีกทาง
“อือ...แล้วอะไรที่ฉันควรคิดงั้นเหรอคะ พี่เพทาย”บลูสกายเรียกชื่อเพทายด้วยเสียงหวานๆ แต่นั่นก็ทำให้เพทายน้ำตาคลอเบ้าไปแล้ว “จูบกับแล้วจะไปโรงแรมต่อเนี่ยบอกเค้าหน่อยสิว่าควรจะคิดยังไงดี”
“...”เพทายเงียบและหลบตา จนทำให้บลูสกายเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ยังไงคำสัญญาก็เป็นเพียงลมปากสินะ...”บลูสกายบ่นกับตัวเองก่อนจะเลิกคุยและขี่รถออกไปโดยทิ้งเพทายให้ยืนอยู่ตรงนั้นกับคู่ขาของเขา
บลูสกายก็ได้แต่นึกถึงคำสัญญาที่ทับทิมกับเพทายมอบไว้ให้เมื่อก่อนอย่างเหนื่อยใจ
‘เธอเป็นแค่คนเดียวที่ฉันรักและฉันไม่มีทางจะไปยุ่งกับใครนอกจากเธอได้หรอกนะ บลูสกาย’
‘ไม่ว่าตอนนี้หรือต่อจากนี้ ฉันจะไม่ทำอะไรใครแบบคนรักนอกจากเธอ’
…………………………………………………………………….
“ร้อนอ่า...” บลูสกายบ่นออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะนำรถไปจอดแล้วเดินเข้าบ้านไป เธอตรงไปยังห้องของตัวเองแล้วนอนลงบนฟูกนุ่มๆทันที ภายในห้องที่ยังร้อนอยู่ก็ค่อยๆเริ่มเย็นขึ้นจากเครื่องปรับอากาศ
ผ่านไปเกือบสิบนาที เธอคลำหาโทรศัพท์ของตัวเองในกระเป๋าแล้วหยิบออกมาไล่มองรายชื่อในโทรศัพท์เรื่อยๆ ก่อนที่จะหยุดที่ชื่อๆหนึ่งที่เป็นถึงผู้ ‘แฟน’ เธอ และถึงแม้บลูสกายจะสนิทกับผู้ชายหลายคนแต่เธอก็มีคนที่รักยิ่งกว่าใครอยู่เพียงคนเดียว
เธออยากจะพบกับเจ้าของดวงตาสีฟ้าจางๆเกือบขาวที่ไม่เหมือนใคร รูปร่างสูงโปร่ง มีรอยยิ้มที่ดูเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลารับเข้ากับผมสีน้ำเงินเข้มเป็นทรงรากไทร ผิวขาวซีด และมักจะใส่แหวนอความารีนที่ตัวเขาชื่นชอบ
....ซึ่งนั่นเป็นทั้งหมดที่ทำให้เธอหลงรักเขา
“โทรไปไม่ได้สินะ...พี่เขาติดเรียนนี่นา” เธอพูดกับตัวเองอย่างเสียใจ ก่อนจะพูดความในใจออกมาเบาๆ “อยากเจอจัง...พี่ต้นน้ำ”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น บลูสกายสะดุ้งและลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะผิดหวังกับเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของคนที่นึกถึง เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“สวัสดี...บลูสกาย” เสียงหวานๆ ที่ชวนให้สบายใจดังออกมาจากโทรศัพท์
“ดอลลาร์ มีอะไรหรือเปล่า” บลูสกายถามออกไป ทั้งๆที่รู้ถึงจุดมุ่งหมายของคนในสายอยู่แล้ว
“ก็เธอกำลังจะไปซื้อของไม่ใช่เหรอ ฉันไปด้วยได้สินะ?” คำถามที่ฟังดูเหมือนคำสั่งของดอลลาร์เหมือนพวกที่กำลังน้อยใจอยู่...
“น้อยใจที่ไม่ได้ชวนเหรอจ๊ะ...น่ารักจริงๆเลยน้า ”บลูสกายหัวเราะเบาๆ
“ถ้าเกิดไม่มาที่XXXXX ภายในสามชั่วโมง ฉันจะโกรธจริงๆด้วยนะ”
ดอลลาร์...เผื่อเวลาให้สามชั่วโมงซึ่งคงเป็นเพราะกลัวบลูสกายจะติดธุระ แต่ก่อนที่บลูสกายจะได้ตอบอะไรไป ดอลลาร์ก็ตัดสายทั้งซะก่อนแล้ว และดอลลาร์ก็ยังคงรักษาสัญญาและความต้องการของเธอตลอดมา
‘ไม่ว่าตอนไหนก็ตามถ้าเธอเหงา ฉันพร้อมที่จะอยู่ข้างเธอเสมอ...’
บลูสกายหัวเราะให้กับความน่ารักของคนที่โทรมาเมื่อกี้ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วปิดทุกสิ่งในห้องแล้วเดินออกไป เธอมองรอบๆห้องของเธอด้วยความรู้สึกแปลกๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาซะเลย
เธอออกมานอกตัวบ้านแล้ว แต่ก่อนจะออกไปบลูสกายได้เดินเข้าไปที่บ้านของเพื่อนสมัยเด็กทั้งสองของเธอ เธอเปิดประตูรั้วเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะไม่ได้ล็อก เอาไว้ แต่ปัญหาอยู่ที่ประตูบ้านนั่นเอง...เมื่อเธอลองเปิดดูแล้ว
ล็อกอยู่อ่ะ...เธอจึงลองมองผ่านหน้าต่างที่หน้าบ้านเข้าไปซึ่งภาพที่เธอเห็นทำให้เธอเผลอก้าวถอยหลังและต้องเอามือปิดปากไว้ไม่ให้ส่งเสียงออกไป
ซึ่งด้วยความตกใจเธอจึงวิ่งออกมาและกลับเข้าไปในบ้านของตัวเองอีกครั้ง หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความไม่คาดคิดว่าจะพบภาพแบบนั้น...
ชายหนุ่มสองคนอยู่ในสภาพนั่งคร่อมกันซึ่งคนที่อายุน้อยกว่าก็ถูกถอดเสื้อไปแล้วนั่งด้านบนส่วนคนอายุมากกว่านั่งด้านล่าง ปากและลิ้นของทั้งสองบดขยี้กันอย่างไม่อายใคร มือก็ลูบไล้ไปทั่วกายของอีกฝ่ายโดยไม่ได้สังเกตุถึงเธอเลยแม้แต่น้อย...มันยังติดตาเธออยู่
บลูสกายนั่งพักเพื่อสงบสติราวๆครึ่งชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถของตนเองแล้วไปตามที่นัดทันที โดยไม่ยุ่งกับสองพี่น้องนั่นก่อนในตอนนี้
และเธอก็คาดไม่ถึงว่าทางพี่น้องฝั่งนั้นก็ไม่ทำกันต่อแล้วหลังจากที่เธอเห็นไปได้ครู่หนึ่ง ผู้เป็นพี่ดันอกของฝ่ายน้องออกไปก่อนจะพูดเบาๆกับตนเองกับน้องชายเหมือนนึกสมเพชในตนเองขึ้นมา
“พวกเรา...ไม่ควรมาทำอย่างนี้เลย”ซันเดย์ที่เป็นพี่ชายกล่าวบอกก่อนจะเช็ดริมฝีปากของตนเองเพื่อลบรอยนั่นทิ้ง
“นั่นสิ...แต่พอนึกถึงเวลาที่เธอคนนั้นทำแบบนี้กับคนอื่น มันก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา” ออเวย์กลับไปใส่เสื้อก่อนจะใช้มือนั้นเช็ดน้ำตาเมื่อยามนึกถึงผู้เป็นที่รักของทั้งสองคน
“...” ซันเดย์ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ใช้มือถือส่งข้อความให้ใครบางคน
ออเวย์หยุดเช็ดน้ำตาและหยิบโทรศัพท์ขึ้นเมื่อมีข้อความเข้ามาก็พบว่าพี่ชายตนเองส่งมาให้ เขากดอ่านก่อนที่เขาจะพูดขอโทษกับพี่ชายของตน “ขอโทษจริงๆนะ พี่”
ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ยิ้มและลูบหัวน้องชายเบาๆก่อนจะทิ้งโทรศัพท์ที่ขึ้นข้อความบนหน้าจอไว้บนโต๊ะและกลับเข้าห้องของตัวเองไป....
รำลึกถึงคำสัญญาพร้อมความคิดในใจที่พวกเราเคยให้ไว้กับผู้หญิงคนหนึ่ง
‘พวกเราจะไม่จูบใครนอกจากคุณเด็ดขาด’...และหวังว่าเราคงจะมีโอกาศได้ทำแบบนั้นสักครั้งนะ
“ขอโทษที่ไม่รักษาสัญญานะ...บลูสกาย”
‘อย่ามาทำแบบนี้เป็นรอบที่สองเลยนะ
เพราะถ้าวันไหนเราได้อยู่กับบลูสกาย
พวกเรานั่นแหละจะเจ็บปวดกันซะเอง
S.’ |
…………………………………………………………………….
“ดอลลาร์ รอนานไหม?”บลูสกายที่ไปถึงจุดนัดหมายก็พบกับคนๆหนึ่งทั้งใบหน้าและเสียงฟังดูงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้านี้เป็นผู้ชายจริงๆผมสีน้ำเงินเกือบดำที่ยาวถึงบั้นท้ายและดวงตาสีฟ้าใส ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตรที่ทำให้ดูสง่างามมากขึ้นไปอีก
“ช้ามาก...”เขานั่งรออยู่ที่ข้างนอกห้างท่ามกลางแดดร้อนๆเพราะกลัวว่าจะหากันไม่เจอ เหงื่อบนใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่รอที่จุดๆนี้นานพอสมควร “หิวน้ำแลด้วย”
บลูสกายเริ่มรู้สึกผิดเมื่อเห็นว่าดอลลาร์นั่งรอตัวเองท่ามกลางแดด เธอจึงเสนอตัวที่จะไปซื้อน้ำให้ดอลลาร์
“ขอโทษนะ...ถ้าข้ามถนนตรงนี้ไปมีร้านน้ำอร่อยๆอยู่เดี๋ยวฉันจะไปซื้อให้นะ” บลูสกายยิ้มให้ดอลลาร์และวิ่งไปที่ทางม้าลายเพื่อรอข้ามถนนทันที
{dollar}
“โถ่..ห้ามไม่ทันอีกแล้ว” ดอลลาร์เบะปากเมื่อเห็นบลูสกายไปวิ่งโดยไม่ฟังใครก่อนที่จะหัวเราะเมื่อรับรู้ว่าเธอยังสนใจและห่วงตัวเองอยู่แต่ถึงอย่างนั้นน้ำใสๆก็หยดลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อนึกถึงบางสิ่งที่ซ่อนไว้ในคำสัญญา
...เธอจะรู้บ้างไหม ภายใต้คำสัญญานั่นเป็นเพียงความต้องการของผมที่จะอยู่ใกล้ๆคุณเท่านั้นเพื่อปิดบังความเหงาของผมเอง
‘ไม่ว่าตอนไหนก็ตามถ้าเธอเหงา ฉันพร้อมที่จะอยู่ข้างเธอเสมอ...’
นั่นเป็นคำสัญญาที่ผมได้ให้ไว้กับเธอแต่ภายใต้คำสัญญานั่นกลับมีความคิดอันโสมมถูกเก็บเอาไว้อยู่
‘ตราบใดที่คุณยังมีความรู้สึกเหงา คุณไม่มีทางหนีผมไปได้หรอก’
ก็ประมาณนั้นแหละนะ...
.
.
.
บลูสกายยืนอยู่ติดกันริมถนนพลางมองไฟจราจรซึ่งตอนนี้มันยังเป็นสีแดงอยู่ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ก็ต่างขับไปมาอย่างรวดเร็ว
*สะกิด*
บลูสกายรู้สึกว่ามีใครบางคนมาสะกิดหลังจึงหันไปมองและในขณะนั้นเธอก็โดนมือปริศนาออกแรงผลักจนเธอเสียการทรงตัวจนล้มไปทางถนน
และภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นคือคู่หมั้นของทับทิมกำลังยืนยิ้มด้วยสีหน้าสะใจพร้อมกับรับรู้ถึงความเจ็บปวดในตอนที่โดนรถยนต์ชนเข้าเต็มๆ
“สกาย!!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่ทันตั้งตัว เมื่อเห็นเธอกำลังโดนผลัก ผมตกใจ...และในวินาทีที่เธอล้มลงไป ในใจผมเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จนเผลอตะโกนเรียกชื่อเธอออกไป
ขาทั้งสองข้างวิ่งเข้าไปหาเธอทันทีทั้งๆที่น้ำตายังอาบแก้ม ผลักคนที่ขวางทางออกไปเพื่อไปพบเธอที่กำลังนอนอยู่บนถนน
เธอเหลือบมองผมและยิ้มบางๆให้ เธอพูดกับผมด้วยเสียงอ่อนแรง
“ขอโทษที่ทำให้ห่วงนะ” เธอเอื้อมมือมาลูบหน้าของผม ก่อนจะส่งยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา “ไว้เจอกันอีก... บ๊ายบาย”
เธอพูดออกมาราวกับต้องการลาแต่หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีมือที่จับหน้าผมกลับร่วงลงบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก...และต่อจากนั้นไม่มีเสียงใดที่ผมได้ยินจากเธอเลย
ฉันไม่ไหวแล้วล่ะ...ขอโทษนะที่ทำให้ร้องไห้
ขอโทษจริงๆ ไว้คราวหน้าจะชดเชยให้นะ
แต่ตอนนี้มันง่วงมากๆเพราะฉะนั้น...
ฉันขอไปนอนก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์
Bluesky.
ทั้งๆทีวันนี้ในอีกสองเดือนเธอ...ก็จะอายุครบสิบหกปีแล้วแท้ๆ
แต่มันกลับเป็นวันที่เด็กสาวคนนั้นต้องจบชีวิตลง
หรือถ้าจะให้พูดตามความจริงล่ะก็
เป็นวันที่เด็กสาวชื่อ ‘บลูสกาย’ ได้ตายหายไปจากโลกนี้นั่นเอง
ผลงานอื่นๆ ของ ★Magic☆ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ★Magic☆
ความคิดเห็น